หลังจากที่ พระอาจารย์ทิม หรือพระครูวิสัยโสภณ วัดช้างให้ ปัตตานี และคณะกรรมการวัดได้จัดสร้างพระพิมพ์เนื้อว่านหลวงปู่ทวดปี พ.ศ.2497 สำเร็จลุล่วงแล้ว ปรากฏว่ามีผู้มาขอรับและร่วมบุญจำนวนมากอีกทั้งประสบการณ์ปาฏิหาริย์ขององค์พระเครื่องได้เกิดขึ้นเป็นที่เล่าขานกันไปทั่วจึงเกิดเสียงแรียกร้องให้คณะกรรมการวัดจัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดขึ้นอีก ในบันทึกของคุณอนันต์ คณานุรักษ์ เขียนไว้ว่า “พระเครื่องที่จะสร้าง (ดินผสมว่าน) อีกหรือไม่นั้นยังไม่แน่แล้วแต่ความจำเป็น ซึ่งท่านอาจารย์ทิมและผมเห็นสมควร เช่นจะทำพิธีปลุกเสกพระในวันที่ 16, 17, 18 เดือนนี้นั้น เป็นพระเครื่องหล่อด้วยโลหะ ความจริงแล้วผมตั้งใจจะพิมพ์กับดินว่านแบบเก่า แต่ท่านอาจารย์ทิมนั่งทางในขออนุญาตต่อพระวิญญาณของท่าน ท่านบอกว่าดินว่านเหล่านั้นใช้แล้วแตกหักคงจะเสียใจ หากมีกำลังทุนพอก็ให้สร้างด้วยโลหะ เราจึงต้องปฎิบัติตาม"
ซึ่งในการหล่อเนื้อโลหะนั้นจำเป็นจะต้องมีทุนรอนมากกว่าการหล่อแบบเก่า ซึ่งก็ได้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรฯ หรือพระองค์ชายกลาง ทรงเป็นประธานอุปถัมภ์ในการจัดสร้าง ตามคำอนุญาตจากหลวงปู่ทวดผ่านพระอาจารย์ทิม มีการนำชนวนและมวลสารจากวัด นำไปหล่อพระร่วมกันที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะส่งไปให้ อาจารย์สวัสดิ์ เดชพวง เป็นผู้หล่อ หล่อพระหลวงปู่ทวดเนื้อโลหะหลังเตารีดขึ้น 3 ขนาดคือ เล็ก กลาง ใหญ่ และยังทรงนำโลหะหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นก้อนเงินและทองคำใส่ลงในเบ้าหลอม ส่วนการเท ‘พระเนื้อเมฆพัด’ ได้ใช้แม่พิมพ์เป็นเหล็กหยอดทีละองค์ มิได้ใช้วิธีเทเป็นช่อหรือตับอย่างพระเนื้อโลหะผสม นอกจากนี้ยังมีแบบ หลังตัวหนังสือ พระกริ่ง ซึ่งจะพูดถึงในคราวหลัง
หมายความว่า หลวงปู่ทวดหลังเตารีดเนื้อโลหะ ที่สร้างในคราวนี้แบ่งเป็น ‘พิมพ์ใหญ่เนื้อทองคำผสมโลหะ’ จำนวน 99 องค์ ‘พิมพ์ใหญ่ เนื้อเมฆพัด’ จำนวนไม่ถึง 1,000 องค์ และ ‘พิมพ์ใหญ่เนื้อนวโลหะและเนื้อโลหะผสม’ อีกจำนวนหลายหมื่นองค์ ที่เหลือเป็น ‘พิมพ์กลาง’ และ ‘พิมพ์เล็ก’ นอกจากนี้ยังมีการปั๊มหลวงปู่ทวดรุ่นหลังตัวหนังสือและพระกริ่งอีกด้วย ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด รุ่นหลังเตารีด มีการเททองหล่อกันนอกวัด โดยวัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีปลุกเสกเนื้อโลหะและการลงแผ่นทอง “ชนวน” รวมถึงพิธีปลุกเสกใหญ่ซึ่งพระองค์ชายกลางได้นำโลหะชนวนทั้งหมดที่ปลุกเสกแล้วนั้นไปหล่อกันที่วัดคอกหมู หรือ วัดสิตาราม กรุงเทพฯ (อยู่เลยวัดสระเกศหรือภูเขาทองไปเล็กน้อย)
ในการจัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดครั้งนี้ ทางวัดได้ดำเนินการพร้อมกับงานสมโภชรูปเหมือนหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ประจำวัด ซึ่งต่อมาได้กำหนดให้เป็นงานประจำปีของวัดช้างไห้ไปด้วย พิธีดังกล่าวจัดขึ้นถึง 3 วัน 3 คืน คือวันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2505 ตรงกับวันขึ้น13 ค่ำ เดือน 6 เวลา 9.00 น. อัญเชิญพระเครื่องหลวงปู่ทวดเข้าสู่โรงพิธีในพระอุโบสถ เพื่อให้พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ วันรุ่งขึ้น วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2505 เวลา 9.00 น. ทำพิธีประกาศโองการตามหลักไสยศาสตร์และอัญเชิญดวงจิตหลวงปู่ทวดเข้าประทับในพิธี เวลา 21.00 น. นั่งปรกและสวดพุทธาภิเษกไปตลอดทั้งคืน และ วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2505 เวลา 9.00 น. กระทำประทักษิณเวียนเทียนวิสาขบูชา และปิดท้ายด้วยเทศนา 1 กัณฑ์ และสุดท้ายในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2505 เวลา 6.00 น. พระอาจารย์ทิมแจกพระเครื่องหลวงปู่ทวดเป็นปฐมฤกษ์
มีข้อน่าสังเกตเกี่ยวกับ “พระหลวงปู่ทวดเนื้อโลหะปี 2505” ดังนี้
“หลวงปู่ทวดหลังเตารีดเนื้อโลหะปี 2505” ซึ่งมีข้อสังเกตอันเป็นหลักเบื้องต้นในการพิจารณาดังนี้
พระชุดนี้จะมีน้ำหนักและความแกร่งหนาในตัว ไม่บอบบาง รวมทั้งชัดลึกทั้งเส้นหน้าผากและริ้วจีวร ขอบข้างมีรอยเจียและแต่งด้วยตะไบ ดูของแท้มากๆ ก็จะคุ้นตาสามารถพิจารณา แล้วอย่าลืมว่าพระคาถาบูชาหลวงปู่ พrr อ้อลืมกระซิบไปอย่านิมนต์ท่านขึ้นคอไปเที่ยวเล่นการพนันนะครับ อันนี้เขาบอกต่อกันมาแต่โบราณแล้ว ท่านไม่ชอบ แต่ถ้าใครทำมาหากินละก็รับรองรวยไม่รู้เรื่องเลยละ ส่วนสนนราคานั้นพูดได้คร่าวๆ ว่า ถ้าเป็น เนื้อว่านปี 2497 พิมพ์ใหญ่ ราคาแตะล้านมานานแล้ว ส่วนพิมพ์ใหญ่หลังเตารีดราคาขยับขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ 7-8 แสนจนถึงล้าน ส่วนพิมพ์กลางหลายแสน และพิมพ์เล็กหมื่นปลายถึงแสนต้นครับผม พระหลวงปู่ทวดหลังเตารีดที่สร้างขึ้นในครั้งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากกลายเป็นที่แสวงหาของประชาชนอย่างกว้างขวางและมีการทำเทียมเลียนแบบเป็นจำนวนมากเช่นกันครับ
เชิญรับชมและต้องการสอบถามได้ที่ WWW.PTANARINTON.99WAT.COM